ทำไม เราถึงแย่ง "ฉีก" เนื้อที่เหลืออยู่

Last updated: 2 ต.ค. 2560  |  3463 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำไม เราถึงแย่ง "ฉีก" เนื้อที่เหลืออยู่

ตลาด ในมุมมองของผม คือ บริเวณที่กว้างใหญ่ใครอยากค้าขายอะไรก็ได้

เมื่อเลือกสนามเล่นแล้ว เราควรจะเป็นกองหน้า หรือ เพลเมกเกอร์

กองหน้า สัญชาตญาณ คือ ได้แล้วยิง
เพลเมกเกอร์ สัญญชาตญาณ คือ ได้แล้วต้องจ่าย

ผมเคยทำงานในสนามที่ผมคิดว่า ผมเป็นทั้งสองอย่าง ยิงก็ได้ จ่ายก็ได้

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน เรากลับแย่งสิ่งที่เหลืออยู่ 

คำถาม ในตลาดแบบนี้ ควรทำอย่างไร
คำตอบ หาตลาดใหม่เล่น หรือ เปลี่ยนไปเล่นตลาดอื่น

ทางแยก 2 ทาง ถูกกำหนดชะตาชีวิต ให้เราเลือกสู้แบบหลังชนฝา

เสี่ยงเพราะความเชื่อ กับ ความชอบ หรือ
เสี่ยงเพราะปัจจัยอื่น

พูดถึง MBK นึกถึงตลาดมือถือเป็นตลาด ไอที ที่ใหญ่ที่สุด มีความนำเทรนใหม่ๆ ก่อนใคร นี่เป็นตลาด บททดสอบชั้นดี

เสาร์- อาทิตย์ ผมเคยกำหนด หรือ ชี้วัด รายได ของผมได้เลย

ร้านเล็กๆ อยู่ได้ เพราะตลาดมันล้น แต่มาวันนี้ พ่อค้าแม่ค้าล้น ทำให้เราต้องแย่งฉีกเนื้อที่เหลืออยู่

แข่งขันกันทุกรูปแบบ หั่นราคา ชนิดว่าตลาดหุ้นกระเพื่อบไม่แรงเท่า

Business Model นี้ ทำให้ผมเลือกตลาดเล็กๆ เฉพาะกลุ่มแต่สร้างความโดดเด่น ไม่เล่นตามกระแส

ตลาดไม่ได้เปลี่ยนหรอก มันเป็นไปตามกลไกของ circle รอบธุรกิจ

แต่เราควรจะเป็นคนกำหนดตลาด หรือ เลือกสนามเล่น ตามแท๊กติก ของเรา

ผมได้สร้าง Business Model นึงไว้ และพร้อมที่จะนำทุกคน เล่นในสนามตามตำแหน่งและความถนัด แต่วัตถุประสงค์เดียวคือ เราควรจะสร้าง SME ให้แข็งแรง เดี๋ยวเศรษฐกิจเราจะแข็งแรงตาม

เพราะผมเชื่อในแรงขับเคลื่อนของ SME ต้นปี 59 ผมสร้างความพร้อมไว้ 2-3 อย่าง รองรับการเปลี่ยนแปลงนี้

--------------------------------
ปลาเล็กย่อมว่ายเร็ว และปลาที่แข็งแรงจะว่ายทวนน้ำได้ดีกว่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้